ไฟดับแล้วโซลาร์ยังจ่ายไฟได้ไหม?

  • ระบบ On-Grid (ต่อกับการไฟฟ้า ไม่มีแบตฯ): โดยมาตรฐาน จะหยุดจ่ายไฟทันทีเมื่อไฟดับ (ฟังก์ชันความปลอดภัยที่เรียกว่า Anti-Islanding) ดังนั้นไฟจะ ไม่ออก แม้แดดจะแรงแค่ไหน
  • ระบบ Hybrid/Off-Grid (มีแบตฯ + วงจรสำรอง): จ่ายไฟได้ ระหว่างไฟดับ แต่ขึ้นกับการออกแบบ ขนาดแบตเตอรี่ ขนาดอินเวอร์เตอร์ และการแยกวงจรโหลดสำคัญ

ทำไม On-Grid ถึงไม่จ่ายไฟตอนดับ?

เพราะเรื่อง “ความปลอดภัย” เป็นหลักใหญ่ ระบบ On-Grid จะตรวจจับแรงดันและความถี่ของโครงข่ายไฟฟ้าตลอดเวลา หากหายไป (ไฟดับ) อินเวอร์เตอร์จะ ปิดตัวเองในไม่กี่วินาที เพื่อป้องกันการ “ย้อนจ่ายไฟ (Backfeed)” กลับเข้าสายส่ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อช่างที่กำลังซ่อมบำรุง

คำหลัก: Anti-Islanding = กลไกหยุดจ่ายไฟอัตโนมัติเมื่อโครงข่ายล่ม


ถ้าอยากมีไฟใช้ตอนดับ ต้องทำอย่างไร?

มี 3 แนวทางหลัก (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือผสมผสาน)

ทางเลือก A: Hybrid Inverter + Battery + วงจรสำรอง (Essential Loads)

  • อินเวอร์เตอร์ชนิด Hybrid สามารถ “แยกตัว” ออกจากโครงข่ายทันทีที่ไฟดับ และสร้างไมโครกริดเล็กๆ ในบ้านคุณ (เฉพาะวงจรที่กำหนด)
  • ต้องมี แบตเตอรี่ เพื่อคงเสถียรภาพของระบบตอนเมฆบัง/ค่ำ
  • มักต้องทำ ตู้ย่อยสำหรับโหลดสำคัญ (เช่น ตู้เย็น ไวไฟ ไฟส่องสว่าง พัดลม) และเดินสายผ่าน สวิตช์สลับ/ตู้ ATS หรือพอร์ต Backup/EPS ของอินเวอร์เตอร์
  • ข้อดี: ใช้งานอัตโนมัติ ลื่นไหลเหมือน UPS ขนาดใหญ่
  • ข้อควรระวัง: ขนาดอินเวอร์เตอร์และแบตต้องพอ “กำลังพร้อมพีก (Surge)” ของอุปกรณ์มอเตอร์ เช่น ตู้เย็น ปั๊มน้ำ แอร์

ทางเลือก B: ระบบ Microinverter/Optimizer + ชุดควบคุมแบ็คอัพเฉพาะทาง

  • บางแพลตฟอร์มมี ตู้ควบคุมสำรอง (Backup Controller/Enclosure) ที่ทำงานคู่กับไมโครอินเวอร์เตอร์และแบตเตอรี่
  • ผลลัพธ์คล้าย Hybrid: ไฟสำรองเฉพาะวงจรที่เลือก
  • เหมาะกับบ้านที่ใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์อยู่แล้ว ต้องการอัปเกรดเป็นระบบมีแบ็คอัพ

ทางเลือก C: Off-Grid/All-in-One (แบตฯ เป็นหลัก)

  • ไม่พึ่งโครงข่ายเลย หรือพึ่งน้อยมาก ใช้แบตฯ เป็นศูนย์กลาง + โซลาร์ชาร์จ
  • เหมาะพื้นที่ไฟตกบ่อย/ห่างไกล แต่ต้นทุนสูงกว่าและต้องออกแบบละเอียด

หมายเหตุ: บางยี่ห้อมีโหมด “PV Point / Secure Power Supply” (ปลั๊กพิเศษ 1 จุด จ่ายไฟได้ 1–2 กิโลวัตต์เฉพาะตอนมีแดด แม้ไม่มีแบตฯ) แต่จะ ไม่เลี้ยงทั้งบ้าน และไม่เสถียรในสภาพเมฆมาก


จะรู้ได้อย่างไรว่า “พอ” สำหรับตอนไฟดับ?

ใช้แนวคิด 3 ค่า: กำลังพิกัด (kW), พีก/สตาร์ต (Surge), และ พลังงานสำรอง (kWh)

  1. กำลังต่อเนื่อง (kW): รวมวัตต์ของโหลดที่อยากให้ติดระหว่างดับ
    • ตัวอย่าง: ตู้เย็น 0.15 kW + เราเตอร์/ไวไฟ 0.02 kW + ไฟ 0.05 kW + พัดลม 0.05 kW ≈ 0.27 kW
    • อินเวอร์เตอร์สำรองควรมีพิกัด สูงกว่ารวมจริง ~30–50% เผื่อการเปิดปิดและโหลดเพิ่ม → เลือก 0.5–1 kW ขึ้นไป
  2. กระแสสตาร์ต (Surge): อุปกรณ์มอเตอร์ (ตู้เย็น ปั๊มน้ำ แอร์) มักกินกระชาก 2–6 เท่าชั่วครู่
    • ถ้าตู้เย็นทำงาน 150 W แต่ Surge 600–900 W อินเวอร์เตอร์ต้องรับพีกนี้ได้ ไม่ทริป
  3. พลังงานสำรอง (kWh): ต้องการกี่ชั่วโมง?
    • สูตร: ความจุแบตฯขั้นต่ำ (kWh) ≈ โหลดรวมต่อเนื่อง (kW) × ชั่วโมงที่อยากสำรอง ÷ อัตราใช้ได้จริง
    • อัตราใช้ได้จริงเผื่อประสิทธิภาพระบบ 80–90% (ใช้ 0.85 เป็นค่ากลาง)
    • ตัวอย่าง: อยากเลี้ยง 0.3 kW นาน 8 ชม. ⇒ 0.3×8 ÷ 0.85 ≈ 2.8 kWh
      • เลือกแบต 3–4 kWh เพื่อความอุ่นใจและเผื่อเสื่อม

กลางวัน โซลาร์จะช่วยแบกโหลด เพื่อลดการกินแบตฯ แต่กลางคืน/เมฆหนา ต้องพึ่งแบตฯ เป็นหลัก


โครงสร้างการเดินระบบตอนมีแบ็คอัพควรเป็นอย่างไร

  • AC Input (โครงข่าย)Hybrid/Backup Inverterตู้ย่อย Essential Loads
  • แบตเตอรี่ ต่อกับอินเวอร์เตอร์ (พร้อม BMS)
  • โซลาร์ (DC/AC) ต่อเข้าช่องที่รองรับ (PV/AC-Coupled ตามรุ่น)
  • สวิตช์/ATS แยกโหมด “โครงข่ายปกติ” กับ “ไมโครกริดสำรอง”
  • ป้องกันครบ: MCB/RCBO, SPD (DC/AC), DC Isolator, กราวด์ (Earthing), สายทน UV/ความร้อน

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (ไม่ผูกยี่ห้อ)

ตัวเลขขึ้นกับยี่ห้อ/สเปก/หน้างาน

  • อัปเกรดจาก On-Grid ไป Hybrid (อินเวอร์เตอร์ + เดินตู้สำรอง): โดยมาก หลักแสนต้น–กลาง
  • แบตเตอรี่ LiFePO₄: ราว 8,000–12,000 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
  • อุปกรณ์ป้องกัน/ตู้ ATS/ค่าแรงเดินระบบ: หมื่น–หลักแสน ตามความซับซ้อน

คำถามย่อยที่พบบ่อย

Q1: อยากสำรองทั้งบ้านได้ไหม?
ได้ “เชิงเทคนิค” แต่ มักไม่คุ้ม เพราะโหลดหนัก (แอร์ เตาอบ เครื่องทำน้ำอุ่น) จะทำให้ต้องใช้แบตฯ+อินเวอร์เตอร์ขนาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายพุ่งสูง แนะนำ เลือกเฉพาะโหลดจำเป็น จะประหยัดและเสถียรกว่า

Q2: ต้องเปลี่ยนตู้ไฟเดิมไหม?
ส่วนใหญ่ต้อง เพิ่มตู้ย่อย/สวิตช์สลับ/ATS และ แยกวงจร ที่จะสำรอง เพื่อให้ไมโครกริดปลอดภัยและเป็นระเบียบ

Q3: แดดดีมากๆ ตอนดับไฟ จะอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องใช้แบตฯไหม?
ทำได้บางกรณี แต่จริงๆ ควรมีแบตฯ เพราะ เมฆบัง/โหลดกระชาก จะทำให้แรงดัน/ความถี่ไม่นิ่ง แบตฯคือ “ตัวกันสะเทือน” ให้ระบบเสถียร

Q4: ถ้าใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์อยู่แล้ว ต้องซื้อใหม่หมดไหม?
ไม่เสมอไป บางระบบมี ตู้ควบคุมแบ็คอัพ และแพ็กแบตฯที่รองรับการทำไมโครกริด เพิ่มเติมได้ ควรเช็กความเข้ากันได้ (Compatibility)


เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจทำไฟสำรองด้วยโซลาร์

  1. ระบุ โหลดจำเป็น ที่อยากให้ติดตอนดับ + วัตต์และการกินไฟต่อชั่วโมง
  2. ตรวจ กำลังพีก/Surge ของมอเตอร์
  3. กำหนด ชั่วโมงสำรอง ที่ต้องการ (เช่น 4–8 ชม.)
  4. คำนวณ ขนาดอินเวอร์เตอร์/แบตฯ ตามสูตรด้านบน
  5. เลือกว่าจะใช้ Hybrid / Microinverter+Controller / Off-Grid
  6. ออกแบบ ตู้ย่อย Essential Loads + ATS/SPD/DC Isolator/Earthing
  7. ให้ผู้ติดตั้งจัดทำ แบบไฟฟ้า (SLD) + รายการอุปกรณ์ + เงื่อนไขรับประกัน ชัดเจน

สรุป

  • On-Grid อย่างเดียว: ไฟดับ = ไม่จ่ายไฟ (ด้วยเหตุผลความปลอดภัย)
  • อยากมีไฟใช้ระหว่างดับ: ใช้ Hybrid/Off-Grid + แบตเตอรี่ + วงจรสำรอง ที่ออกแบบถูกต้อง
  • ความเสถียรระหว่างไฟดับขึ้นกับ ขนาดอินเวอร์เตอร์ ความจุแบตฯ และการเลือกโหลดที่จำเป็น

ถ้าบอกผมได้ว่าบ้าน/สำนักงานของคุณมี “โหลดจำเป็น” อะไรบ้าง (วัตต์คร่าวๆ และอยากสำรองกี่ชั่วโมง) ผมคำนวณ ขนาดอินเวอร์เตอร์และแบตฯ ให้พร้อมสเก็ตช์สเปกอุปกรณ์และงบประมาณประมาณการให้ได้ทันที